ดูหนัง The Pale Blue Eye การสืบสวนสุดลึกลับ ร่วมไขคดีฆาตกรรมไปกับเอ็ดการ์ อัลลัน โพ

ดูหนัง The Pale Blue Eye

หนังอาชญากรรม The Pale Blue Eye ร่วมไขคดีฆาตกรรมไปกับเอ็ดการ์ อัลลัน โพ

อาชญนิยายสายดาร์ก ผู้กำกับและเขียนบทโดย Scott Cooper หยิบหนังอาชญากรรม ดูหนังออนไลน์ The Pale Blue Eye เรื่องนี้มาทำจากนิยายเก่าปี 2546 ของ Louis Bayard นักเขียนชาวอเมริกันที่ตีพิมพ์ในปี 2013 ที่มีผลงานแนวสืบสวนย้อนยุคในประวัติศาสตร์หลายเรื่องจนเป็นซิกเนเจอร์ของเขา ปี 2020 Netflix ก็ลงทุนทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ล่วงหน้าด้วยเม็ดเงิน 55 ล้านเหรียญ หรือราว 1,690 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินที่สูงมากสำหรับอุตสาหกรรมหนังของยุโรป แม้ว่าใครที่ได้เริ่มต้นดูแล้ว จะรู้สึกถึงการดำเนินเรื่อง เนิบช้า ดราม่า เยือกเย็น คลั่งแค้น หักศอก ขาย คริสเตียน เบล ที่มีดีมากในตอนจบ เมื่อตัวเรื่องนำมันมาขยายในตอนท้ายจนกลายเป็นฉากจบที่น่าจะทำให้ผู้ชมอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน เว็บดูหนัง ยังคงเข็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนหลากแนวหลายสไตล์มาให้เหล่าสมาชิกได้ชมกันอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้ เป็นหนังใหม่ มาสเตอร์แบบสืบสวนย้อนยุคในโลเคชั่นโรงเรียนนายร้อยเวสต์พ้อยท์ เล่าเรื่องราวย้อนยุคช่วงปี คศ. 1830 ในช่วงฤดูหนาว เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบโบราณที่เวิ้งว้าง เงียบสงัด รู้สึกได้ถึงความมืด ๆ ชื้น ๆ ติดกลิ่นอายกอธิก (Gothic) ที่แทรกซึมลงมาในหนังใหม่ hd เมื่อนักสืบชื่อว่า ออกัสตัส แลนดอร์ (Christian Bale) ที่เกษียณตัวเองไปแล้วได้รับคำขอร้องให้กลับมาสืบสวนคดีฆาตกรรมในโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ (West Point Academy) กรุงนิวยอร์ก ของอเมริกา

ร่วมไขคดีไปกับเอ็ดการ์ อัลลัน โพ นักเขียนชื่อดังในวัยเยาว์ หนังอาชญากรรม The Pale Blue Eye

หนังอาชญากรรม ตัวเรื่องดำเนินไปในโรงเรียนนายร้อยสมัยเก่าที่เหมือนกองร้อยเล็ก ๆ มีอาจารย์ที่เข้มงวดฝึกตีกรอบกดดันเด็กหนุ่มให้เป็นไปตามอย่างที่โรงเรียนต้องการ เป็นศูนย์กลางของเนื้อเรื่องทั้งหมด งานโปรดักชั่นย้อนยุคดีมาก แม้ว่าระหว่างทางของเรื่องจะยืดย้วยจนน่าเบื่ออยู่ แต่ตอนจบสุดท้ายคือสิ่งที่ช่วยกู้คะแนนให้หนัง มีดีต่อการแนะนำให้ดูจนจบ รวมทั้งการที่เรื่องราวส่วนหนึ่ง อ้างอิงมาจากชีวิตจริงของนักเขียนและกวีในตำนานอย่าง เอ็ดการ์ แอลลัน โพ (Edgar Allan Poe) ผู้บุกเบิกงานเขียนแนวสืบสวนสอบสวนและอาชญนิยายเป็นคนแรก เป็นนักเขียนและกวีที่ได้รับการยกย่องเป็นปรมาจารย์ด้านนิยายสยองขวัญ เปิดศักราชด้วย ‘The Pale Blue Eye’ เรื่องนี้นี่แหละ ที่ว่าด้วยภูมิหลังของนักกวีชื่อดังกับเหตุการณ์ที่นำมาสู่การร้อยเรียงบทแนวสืบสวนสมัยใหม่ สู่การปลดแปลกเงื่อนงำของคดีฆาตกรรมอันน่าสยดสยอง โดยมีจุดขายอยู่ที่เป็นหนังแนวรหัสคดีสืบสวนสอบสวนแนวพีเรียดในช่วงศตวรรษที่ 18 เขาต้องพบกับคดีฆาตกรรมเด็กหนุ่มเตรียมทหารที่ถูกควักหัวใจหายไป นั่นคือ นนร. ลีรอย ฟราย (Steven Maier) ถูกพบเป็นศพถูกแขวนคอบนต้นไม้ แต่ที่แปลกก็คือ คนร้ายยังควักเอาหัวใจของเหยื่อไปด้วย โดยเพื่อไม่ให้ข่าวร้ายแพร่งพรายออกไปนอกรั้วจนชื่อเสียงของโรงเรียนเสียหายจนอาจจะถูกปิดไปในที่สุด ร้อยเอกฮิตช์ค็อก (Simon McBurney) จึงได้เรียกตัว นักสืบท้องถิ่นผู้เกษียณงานวัยกลางคน ไม่นับถือศาสนา ไม่สนใจพระเจ้า มองการตีกรอบในโรงเรียนนายร้อยเป็นต้นตอของปัญหาทุกอย่าง ผู้มีปมอดีตหลังจากที่ แพตซี (Charlotte Gainsbourg) ลูกสาวของเขาหายตัวไป มารับหน้าที่สืบสาวต้นตอ แต่ตัวนักสืบเองก็ยังรับงานนี้มาแม้จะไม่ได้เต็มใจช่วยเหลือที่นี่นัก ซึ่งนี่เป็นปมเล็ก ๆ ที่เรื่องโปรยไว้ตลอดทางผ่านบทสนทนาตอบโต้ของเขากับนายทหารที่พยายามกดดันให้เขาเร่งค้นหาความจริง ซึ่งตัวหนังทำให้เราได้เห็นสิ่งนี้ได้ชัดจนน่าสลดใจมาก ทั้งนักเรียนนายร้อยก็แทบไม่มีใครยอมปริปากเพื่อให้ข้อมูล แต่ยังมี นนร. เอ็ดการ์ แอลลัน โพ (Harry Melling) นักเรียนนายร้อยผู้ใฝ่ในทางกวี เขามีบุคลิกแบบคนไม่เต็มเต็งจนดูน่ารำคาญกับบทสนทนาแปลกๆ ตลอดเรื่อง แต่หนุ่มนักเรียนนายร้อยคนนี้เป็นผู้ช่วยในการสืบสวนหาความจริงที่เกิดขึ้น ก่อนที่ปมเล็ก ๆ จาง ๆ เหมือนไม่ได้สำคัญนี่แหละคือจุดที่สำคัญที่สุดของเรื่องแบบไม่คาดคิด เขาที่ยอมให้เบาะแส และอาสาช่วยแลนดอร์ในการไขคดีสุดเขย่าขวัญนี้ร่วมกัน ตอนจบถึงจะทำให้เราเข้าใจได้ว่าตัวละครนี้สำคัญมากๆ ยังไงกับเรื่องราวทั้งหมด พร้อมด้วยนักแสดงนำระดับ A – List อย่าง คริสเตียน เบล (Christian Bale) ครั้งแรกของเน็ตฟลิกซ์ได้ดีในระดับน่าพอใจ แม้ผู้กำกับก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่การที่ได้ดาราเบอร์ใหญ่มากฝีมือระดับคริสเตียน เบล มาเล่นก็ช่วยทำให้หนังเรื่องนี้ต้องมีอะไรดีแน่นอน ซึ่งเมื่อหลังดูจบก็เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงตกลงมารับบทนำครั้งแรกในหนัง Original Netflix แบบนี้ ซึ่งพอเปิดตัวมาก็ทำสถิติขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของ เว็บดูหนัง กว่า 50 ประเทศได้ตั้งแต่วันแรกที่ฉาย แม้ว่านี่คือหนัง hd ที่อาจจะไม่ได้ถึงกับดำเนินเรื่องได้ดีมาก แต่บทของตัวเอกนักสืบแลนดอร์ในตอนท้ายนี่คือบทบาทที่น่าประทับใจมากเรื่องหนึ่งในผลงานของเขาได้เลยในเว็บดูหนังออนไลน์ของไทย ก็มีพากย์ไทยให้ได้ติดตามกันได้แล้ว 

The Pale Blue Eye ย้อนรอยสู่คดีฆาตกรรมอันน่าสะพรึงกลัวในโรงเรียน

สิ่งที่หนัง ต้องการสื่อคือ ปัญหาของกฎระเบียบ ความเชื่อศาสนา ที่พยายามตีกรอบการปฏิบัติตัวของผู้คน จนทำให้กลายเป็นปัญหาสะสมที่กดทับไว้ สุดท้ายก็กลายระเบิดออกมาแล้วก็กลายมาเป็นโศกนาฎกรรมในหนังใหม่ มาสเตอร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะความเกลียดชังแค้นเคืองในระบบอำนาจนิยมทหารของตัวฆาตกร จนกลายเป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ซึ่งพอประกอบกับปูมหลังสุดบัดซบ มันก็ถือว่าเป็นแรงจูงใจที่มีน้ำหนัก และชวนให้สลดหดหู่ใจจนน้ำตาซึมได้ไม่ยากเลย สิ่งที่น่าจะเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ ในบรรดาหนังแนวรหัสคดีก็คือ การหยิบจับเอาบรรยากาศของนิวยอร์ก เมื่อ 193 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้าอิงตามประวัติ ก็ตรงกับชีวิตจริงของ เอ็ดการ์ แอลลัน โพ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อตอนอายุ 21 ปีจริง ๆ แต่เรียนได้ไม่ถึงปีก็โดนไล่ออก เป็นอีกจุดที่ชอบโดยส่วนตัวก็คือ การที่ตัวหนังเอาเกร็ดประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ จากประวัติชีวิตของ เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาร้อยเรียงเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว และเป็น Easter Egg เอาไว้ได้น่าสนใจ เพราะโดยรวมทั้งการที่ชีวิตของเขามักจะผูกพันกับความตาย หรือแม้แต่ความเป็นหนอนหนังสือและเป็นเนิร์ดในด้านกวี เรื่องราวที่เกี่ยวพันกับศาสนา และตัวหนังที่เต็มไปด้วยไดอะล็อกภาษาภาษาเขียนโบราณ ๆ มีความเป็นบทกวีหน่อย ๆ โดยรวมก็ถือว่าเซตบรรยากาศออกมาได้ออกมาดาร์กและสยองขวัญในระดับหนึ่งเลย ถ้าใครไม่อินก็คงไม่ชอบ เพราะหนังใหม่ hd เรื่องนี้มีความติสอยู่พอสมควร ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร ช้า แต่ซ่อนเหลี่ยมมุม สิ่งที่ต้องทำใจก่อนดูเชื่อว่ามีรีวิวหนังใหม่ มาสเตอร์ที่ตามเว็บ ดูหนัง ให้ข้อมูลไว้มากมายว่า ดีจริง จบประทับใจ แต่การดำเนินเรื่องนั้นช้า อืด โดยแบ่งเป็น จังหวะการเดินเรื่อง โดยเฉพาะในครึ่งแรกของหนัง hd สามารถสร้างบรรยากาศการสืบสวนออกมาได้เยือกเย็น ที่ค่อย ๆ บิลต์บรรยากาศความดาร์กขึ้นมาทีละนิด ปูเรื่องให้คนดูรู้สึกตะหงิด ๆ กับกลไกอำนาจนิยมภายในโรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้ ผสมกับกลิ่นอายความสยองขวัญด้วยการเผยให้เห็นภาพศพและบาดแผลแบบเรต R จนไม่เหมาะที่จะนั่งดูกับเด็ก เป็นความโหดร้ายผิดมนุษย์ของฆาตกร บทปูเรื่องให้บางตัวละครเข้าไปใกล้รูปคดีมากขึ้น และคลี่คลายไปสู่บรรยากาศหนังทริลเลอร์ที่มีความ Suspense ลอยอวลเต็มไปหมด แต่ในครึ่งหลัง ตัวหนังกลับเริ่มค่อย ๆ ลดความ Suspense ลงอย่างเห็นได้ชัด เน้นปูคาแรกเตอร์ตัวละครหลักและตัวละครเสริมเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้ตัวหนังที่บิลต์ด้วยจังหวะเนิบช้า กลายเป็นช้าจนย้วยไปเลย ยังดีที่การแสดงของ คริสเตียน เบล (Christian Bale) ยังคงตรึงสายตาเอาไว้ได้ แม้ในพาร์ตนี้จะเป็นพาร์ตสำคัญที่เริ่มพุ่งเป้าหาตัวฆาตกร และเริ่มจับเบาะแสบางอย่างของฆาตกรได้บ้างแล้ว แต่ตัวหนังในช่วงนี้กลับหันไปเน้นการเล่าเรื่องข้างเคียงที่ไม่ได้ให้ข้อมูลในเชิงเบาะแสมากนัก โดยเฉพาะช่วงกลาง ๆ เรื่องก่อนลากเข้าสู่ไคลแม็กซ์ ที่แม้ในพาร์ตนี้จะเป็นพาร์ตสำคัญที่เริ่มพุ่งเป้าหาตัวฆาตกร และการแสดงของเขาก็มาระเบิดเอากับ 30 นาทีสุดท้าย ที่ถือว่าเป็นการหักศอกเรื่องราวทั้งหมดที่ปูมาได้แบบพลิกความคาดหมายสุด ๆ ที่เล่นเอาเหวอไปเหมือนกัน ถือว่าเป็นการหักมุมที่รุนแรงและ Epic มาก ๆ โดยเฉพาะการเฉลยเรื่องให้เห็นถึงมูลเหตุที่แท้จริงของฆาตกร หนัง hd เรื่องนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก ในฐานะของหนัง hd ตามสืบคดี ทำให้กลวิธีในการไขคดีออกมาค่อนข้างเบาบาง ยิ่งพอถึงช่วงหักศอก แม้จะรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่เนือง ๆ แต่มันก็ยังอยู่ในขอบข่ายที่ถ้าสังเกตคาแรกเตอร์และปูมหลังดี ๆ ก็จะพอจับทางได้ แต่อิมแพคมากในส่วนของการถ่ายทอดความรู้สึก อินเนอร์ และสภาพแวดล้อม ความเชื่อ ความกดที่ระเบิดออกมาในวงระเบียบทหาร คอนิยายรหัสคดีสายจริงจังนั่งจับผิดก็อาจจะรู้สึกว่า เบาะแสที่ได้มันน้อยเกินไป จนขาดข้อมูลที่มีน้ำหนักพอที่จะล็อกเป้าชี้ตัวฆาตกรได้แม่น ๆ แต่คอดราม่า แน่นอนว่า จะโดนใจเอาเต็ม ๆ ช็อตสุดท้ายของหนังเลยดูคล้ายกับเป็นบทสรุปมูลเหตุจูงใจในคดีความ เพื่อจะบิลต์อัปเรื่องไปสู่ไคลแม็กซ์ที่ผูกกับปมดราม่าชีวิตบัดซบของตัวละคร มากกว่าจะเป็นการเฉลยเบาะแสคดี การแสดงของ คริสเตียน เบล ที่ยังไงก็ไม่ผิดหวัง โดยเฉพาะ 30 นาทีสุดท้ายสุดหม่นหมอง รวมทั้งบรรยากาศภายใต้ธีมอันแสนหม่นหมองที่ชวนขนลุกไม่น้อย อย่างที่ได้บรรยายมาถึงหนังใหม่ hd เรื่องนี้ตั้งแต่ต้น น่าติดตามด้วยลึกของการวางองค์ประกอบ เรียงร้อยเรื่องราว และประเด็นในการสะท้อนประเด็นเกี่ยวกับความดำมืดของจิตใจของมนุษย์ และชำแหละความน่าสยดสยองของอำนาจนิยมได้ออกมาน่ากลัวยิ่งกว่าฆาตกรฆ่าควักหัวใจเสียอีก แม้ว่าจะมีจังหวะเฉย ๆ การคาดเดาในตัวคดีที่เดากันได้ง่าย ๆ ทำให้การดูหนัง รื่องนี้อาจจะไม่ได้บันเทิงสำหรับสายแทสเอาเสียเท่าไหร่ ไม่ใช่หนังโปรดสำหรับคอหนังอาชญากรรมพ่วงแอ็กชัน หรือแนวสืบสวนสอบสวนไล่เก็บเบาะแสสายจริงจัง ด้วยความติสนับว่า ถูกใจสายลึกอยู่ไม่น้อย ดูเอาอารมณ์ มีฉากโหด เลือด ความรุนแรง ไดอะล็อกมีความเจ้าบทเจ้ากลอน เลียนศัพท์แสงภาษาเขียนสไตล์โบราณทั้งเรื่อง คนที่ไม่ชอบอาจเบื่อ คริสเตียน เบล คือตัวแบกของหนังแบบไม่ต้องสงสัย ฝีมือการแสดงเฉียบขาด โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของหนังใหม่ มาสเตอร์